วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

The outsourced

เป็นซีรีย์ที่ความเห็นส่วนตัวถือว่าดี (แต่โดนแช่เย็นสร้างได้แค่ซีซั่นเดียวก็เลิกสร้างต่อ)
เนื้อเรื่องบอกเล่าถึง Todd พนักงานขายของออนไลน์ถูกส่งไปประจำการที่อินเดีย เนื่องจากสภาพคล่องทางธุรกิจฝืดเคือง การที่จะย้ายไปใช้ชีวิตอินเดียนั้นมันไม่ง่าย เพราะต้องปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมที่นั่นให้ได้ 
Todd ถูกย้ายไปอินเดียด้วยตำแหน่งของผู้จัดการฝ่ายขายสาขามิด อเมริกา ซึ่งราจีฟที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการหวังจะฮุบตำแหน่งผู้จัดการแทน Todd อย่างออกนอกหน้า 
นอกจากราจีฟแล้ว ทอดด์ ยังต้องพบกับลูกน้องอีกหลายๆคน อาทิ เช่น แมนมีท อาช่า กุปตา มธุลี ชาร์ลี และทอนย่า  
การทำงานในอินเดียของทอดด์ จะเรียกว่าเป็น call center ที่ขายของจุกจิกจากประเทศจีนให้กับชาวบ้านในอเมริกา การทำงานของทอดด์ เป็นไปอย่างราบรื่น แต่การใช้ชีวิตในอินเดียมันไม่ง่ายเลย นอกจากจะถูกเอาเปรียบ เช่นซื้อของแล้วโดนโก่งราคา แล้ว ยังต้องระวังคำพูดหรือการกระทำของทอดด์ที่คนอินเดียไม่ชอบด้วย  ในขณะเดียวกันทอดด์ยังต้องสอนวัฒนธรรมของคนอเมริกาให้กับลูกน้องอีกด้วย (เพื่อต้องการให้ลูกค้าเชื่อว่า call center อยู่ในเขตประเทศอเมริกาจริงๆ)
ตัวอย่าง ของซีรีย์นี้ พระเอกหน้าหวานมากๆ 

 แต่เสียดายอ่ะที่ซีรีย์นี้หลุดผังไป ทั้งๆที่ผู้ชมก็เยอะมาก อยากให้สร้างอีกซีซั่นจังเลยเนอะ
เพลงเปิด เราเอามาทำเป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ด้วย อิอิ

ไหนๆก็เขียนแล้ว ขอแนะนำตัวละครเลยนะ

ทอดด์ เด็มป์ซี่ ตัวเอกของเรื่องที่ย้ายจากบ้านมาทำงานที่อินเดีย แรกๆทอดด์ จะไม่คุ้นกับวัฒนธรรมต่างๆในอินเดีย ชาร์ลี ซึ่งเป็นคนต่างถิ่นเหมือนทอดด์ เป็นคนสอนให้ทอดด์ปรับตัวในอินเดีย ทอดด์เป็นคนปรับตัวง่าย สบายๆ ถือว่าเป็นผู้จัดการที่ดี รักลูกน้อง แต่ก็เข้มงวด เวลามีปัญหา ทอดด์จะออกหน้ารับผิดแทนลูกน้องเสมอ แอบชอบอาช่าแต่อาช่ามีคู่หมั้นแล้วจึงหันไปคบกับ ทอนย่า ผู้จัดการแผนกออสเตเรียแทน
ราจีฟ กิดวานี เป็นผู้ช่วยผู้จัดการของทอดด์ นิสัยเข้มงวด ชอบเอาเปรียบลูกน้อง ทำให้ลูกน้องใน call center ไม่ชอบราจีฟ ครั้งหนึ่งราจีฟ คิดจะจับผิดทอดด์ด้วยกล้องวงจรปิด เพราะต้องการเป็นผู้จัดการแทนทอดด์ (สาเหตุ คือ ต้องการให้พ่อของวีมี่ ยอมรับราจีฟเป็นลูกเขยน่ะเอง) ตอนท้ายของซีซั่น ราจีฟได้แต่งงานกับวีมี่ และได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการแทนทอดด์ (เสียงพี่แกดีมาก โดยเฉพาะตอนที่ร้องเพลง some  body who love me)

แมนมีท ลูกจ้างแผนกมิดอเมริกา ชายหนุ่มที่มีความเข้าใจในตัวของทอดด์และเป็นเพื่อนคนแรกของทอดด์ แมนมีทเป็นนักขายของชั้นเลิศ สามารถทำยอดขายได้สูงกว่าคนในแผนก มีข้อเสียคือ แอบใช้เวลาที่ขายของไปจีบลูกค้าซะส่วนใหญ่ 

อาช่า สาวสวยประจำแผนก ที่ทอดด์แอบชอบอยู่ มีคู่หมั้นที่พ่อแม่จับคลุมถุงชน เลยปิดกั้นตัวเองจากความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อทอดด์ 

กุปตา ลูกน้องจอมตะกละ ที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่ หลังๆมาอาศัยอยู่บ้านเดียวกับทอดด์ เป็นนักขายชั้นห่วย ที่ไม่ค่อยจะขายอะไรได้ เกือบถูกบริษัทลอยแพ แต่ทอดด์ช่วยไว้ มีความฝันจะไปบอลลี่วูด แต่ตอนประกวดดันถูก มธุรีขโมยซีนซะ

มธุรี สาวอินเดียที่ขี้อาย เสียงดี แต่ชอบนินทาชาวบ้านเป็นชีวิตจิตใจ ที่บ้านมีฐานะยากจน ต้องส่งเสียที่บ้าน บางครั้งก็แอบมานอนในออฟฟิศ มีฝีมือในการดูดวงอยู่บ้าง

ชาร์ลี เดวิส ผู้จัดการสาขา All-american hunter เป็นเพื่อนของทอดด์ มีนิสัยบ้าพลัง ชอบล่าสัตว์ เก่งทางด้านช่าง และวางกับดักแก้เผ็ดชาวบ้านเก่ง มีนิสัยเข้มงวดกับลูกน้องมาก หลังๆมาโดนต้นสังกัดลอยแพ จึงว่างงาน เคยคบกับแม่ของทอนย่ามาก่อน

ทอนย่า ผู้จัดการสาขาออสเตเลียน นำทีมโดยบริษัทโคอาล่า แอร์ไลน์ แฟนของทอดด์ เป็นผู้จัดการที่มีฝีมือในการบริหาร คบกับทอดด์เพราะอยากเอาชนะอาช่า แต่ในที่สุดก็เลิกกับทอดด์ เพราะทอดด์ยังชอบอาช่าอยู่
ตัวละครอื่นๆ
อาจิต ลูกจ้างผู้เงียบขรึม(แรกนึกว่าเป็นใบ้)แอบชอบ มธุรีอยู่ จึงเขียนกลอนให้มธุรีในวันแต่งงานของราจีฟ ในช่วงท้ายก็ตกลงเป็นแฟนกัน
พิงค์กี้ ลูกจ้างสาวหุ่นช้างน้ำ เป็นคนรับ ส่งของให้ทอดด์อยู่ตลอด พาหนะประจำตัว คือ มอเตอร์ไซด์ห้าง มีนิสัยสนุกสนานร่าเริง และทะลึ่งในตัว

ซีรีย์ Outsourced เป็นอีกซีรีย์หนึ่ง ที่ดูได้ทั้งครอบครัว มี 1 ซีซั่น จำนวน 22 ตอน ตอนละประมาณ 20-25 นาที ฉายทางช่อง NBC ถ้าในบ้านเราก็หาดูได้ตามช่อง universal 

สิ่งที่ชอบในเรื่อง เพลงประกอบ สนุก นึกไม่ถึงว่าเพลงอินเดียสนุกๆจะมีเยอะ
                           เนื้อเรื่องกระชับ เน้นความสัมพันธ์ของตัวละครเป็นหลัก (เคยเอามาทำเป็นหนังจอเงินด้วย แต่ไม่ได้ดู)
สิ่งที่ไม่ชอบ คือมันจะมีทำไมแค่ 1 ซีซั่นวะ น่าจะทำมาต่ออีกนิดนึง เสียดาย



ขอบคุณข้อมมูลจากวิกิพีเดียค่ะ



วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

The big bang Theory

มาทางฝั่งอเมริกาบ้างดีกว่า แต่หารูปใส่ยากเหลือเกิน เพราะทุกอย่างล้วนมีลิขสิทธ์ ต้องไปจิ๊กรูปจากแฟนเพจ หรือจากเฟสบุคเอา (ความจริง เขียนบล็อคไหนก็จิ๊กมาตลอดแหละ)

The Big Bang theory เป็นซีรีย์ที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเด็ก(โข่ง)เนิร์ดสองคน ที่หัวโคตรจะดี โดยมีสาวแสบเป็นเพื่อนข้างห้อง ซึ่งใช้ชีวิตต่างจากเนิร์ดสองคนมาก

The Big Bang theory ถือว่าเป็นซีรีย์ที่ดังมาก โดยตอนนี้ฉายมาทั้งหมด ห้าซีซั่น ความยาวประมาณตอนละ 20-25 นาที (คาดว่าน่าจะมีซีซั่น 6 ต่อ) ซีซั่นหนึ่งๆมีประมาณ 15-24 ตอน

เรื่องหลักๆของ The Big Bang theory ไม่มีอะไร นอกจากจะแสดงถึงกิจวัตรประจำวันของเด็กเนิร์ด ที่บ้าการ์ตูน ชีวิตที่ขาดแคลนผู้หญิง การคุยกันด้วยศัพท์เทคนิคของเนิร์ด (แต่ละคนล้วนจบปริญญาเอกเป็นดอกเตอร์ ยกเว้นฮาร์เวิร์ดที่จบโทวิศวะมา)มุขจิกกัดของเชลดอนต่อสังคม และเรื่องราวหลายๆอย่างในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสอนการแก้ปัญหาชีวิต การปลอบใจของเพนนี(ที่แทบจะเรียนไม่จบ)ต่อเด็กเนิร์ดหลายๆคน แม้กระทั่งการหักมุม(ที่จู่ๆกำลังจะซึ้งแทบน้ำตาไหล แต่ดันหักมุมจนขำแทบตกเก้าอี้แทน) ซึ่งทั้งหมดนี้แทบจะเป็นเสน่ห์ของซีรีย์นี้เลยก็ว่าได้



ก่อนที่จะมารู้จักตัวละคร ขอแนะนำผู้สร้างสรรค์ผลงานนิดนึง คือ Chuck Lorre ที่เคยสร้างสรรค์ ซีรีย์ Two and a half man ที่ชาร์ลี ชีนแสดงนำ(ตอนนี้ชาร์ลี โดนเด้งไปเรียบร้อยแล้ว) ซึ่งฝากผลงานผ่านซีรีย์ดังๆอีกหลายเรื่อง นับว่าเป็นผู้สร้างมือทองเลยก็ว่าได้

มารู้จักตัวละครของเราก่อนดีกว่า

เลนเนิร์ด ฮอฟสแตนเตอร์ (แสดงโดย Johnny Galecki)
คุณวุฒิ ดอกเตอร์
สาขาอาชีพ ฟิสิกส์ทั่วไป
เป็นตัวเอกของเรื่อง และเป็นรูมเมทของเชลดอน โดยมีเพนนี เป็นสาวข้างห้อง แอบหลงรักเพนนี ในช่วงแรก ต่อมาได้คบกัน และเลิกกันในที่สุด ตอนนี้คบกันน้องสาวของราจที่ชื่อพรียาอยู่

เชลดอน คูปเปอร์ (แสดงโดย Jim Parsons)
คุณวุฒิ ดอกเตอร์
สาขาอาชีพ ฟิสิกส์ (เน้น ทฤษฎีควอนตัม)
เป็นตัวเอกของเรื่อง นิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ชอบทำัตัวเป็นผู้นำและตั้งกฎของตัวเอง ทั้งๆที่ชาวบ้านเขาไม่ได้สนใจ ก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำอยู่ดี เป็นเนิร์ดที่มีนิสัยน่ารังเกียจ แต่ก็นิสัยดีพอตัว (ซีรีย์นี้จึงมีสีสันก็เพราะเชลดอน) เป็นคนที่ไม่สนใจผู้หญิงและสังคม วันๆใช้ชีวิตอยู่กับการ์ตูนและเกมส์ มีเพื่อนสาวชื่อเอมี ที่พูดไม่รู่เรื่องพอๆกัน

เพนนี (แสดงโดย Kaley CuoCo)
คุณวุฒิ ไม่ทราบ (แต่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง)
เป็นสาวข้างห้อง ที่มีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาในชีวิต มักถูกเชลดอนกัดด้วยคำพูดแสบๆหลายครั้ง ถึงแม้เพนนีจะไม่มีความรู้ แต่เพนนีเป็นคนที่มีประสบการณ์ทางชีวิตสูง สามารถเป็นที่พึ่งพาของพวกเชลดอนได้หลายครั้ง (เห็นมีคนเชียร์คู่เชลดอนกับเพนนีด้วย) มักจะเที่ยวสังสรรค์กับเอมี และเบอร์นาเด็ทเสมอๆ

ฮาเวิร์ด โวโลวิช(แสดงโดย Simon Helberg)
คุณวุฒิ ปริญญาโท จาก MIT
สาขาอาชีพ วิศวะกรรมทางอากาศ (อาจจะรวมถึงอวกาศด้วย มั้ง)
เพื่อนของเชลดอนและเลนเนิร์ดที่ยังอาศัยอยู่กับแม่ เป็นเนิร์ดที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือผู้หญิง แต่กินแห้วมาตลอด ครั้งหนึ่งเคยพยายามเป็นแฟนเพนนี แต่ไม่สำเร็จ ปัจจุบันมีแฟนชื่อเบอร์นาเด็ท ซึ่งเป็นเพื่อนของเพนนี และกำลังจะแต่งงานกัน

ราเจชหรือราจ คูธราพาลิ(แสดงโดย Kunal Nayyar)
คุณวุฒิ ดอกเตอร์
สาขา astrophysic(ฟิสิกส์สาขาอวกาศ)
เป็นคู่หูของฮาเวิร์ด มินิสัยขี้อายเฉพาะกับผู้หญิง ที่เวลาอยู่ต่อหน้าผู้หญิงจะพูดไม่ได้ แต่ถ้าได้เมาก็สามารถจ้อได้ไม่หยุด เป็นเนิร์ดอีกคนที่อยู่สภาวะสิ้นคิด ก็คือเวลามีโอกาสดีๆเข้ามา เช่นเจอสาวสวยๆ ที่กำลังจะมีใจให้ ราจมักจะฆ่าตัวตายด้วยคำพูดของตัวเอง หรือพฤติกรรมที่หื่นออกนอกหน้านอกตา ราจ มีน้องสาวน่ารักอยู่หนึ่งคน คือพรียา ที่ตอนนี้กำลังคบหากับเลนเนิร์ดอยู่


อย่างที่บอกว่าซีรีย์เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่น่าจดจำ เสน่ห์ของซีรีย์นี้ จะอยู่ที่ศัพท์ทฤษฎี ที่ตัวละครสนทนากัน และการแก้ปัญหาที่คนทั่วๆสามัญเขาทำกันได้ แต่ เนิร์ดสี่คนกลับไม่มีปัญญาทำได้ทั้งๆทีเรียนจบสูงกว่า ถือว่าเป็นซีรีย์ที่ดูได้ไม่เบื่ออีกซีรีย์หนึ่งเลยทีเดียว


อ่อ เกือบลืมตัวละครอีกตัว คือ เอมี่ ฟลาล่า ฟาวด์เดอร์

จบดอกเตอร์สาขาสังคม ทำวิจัยเกี่่ยวกับการสร้างและตอบสนองต่อสิ่งเร้าของสิ่งมีชีวิต เป็นแฟน(?)ของเชลดอน ที่ราจ และฮาเวิร์ด จับคู่กันทางอินเตอร์เนต เอมี และเชลดอนเป็นมนุษย์ที่มีนิสัยคล้ายกันจนแทบจะเหมือนกันมาก เป็นตัวละครอีกตัวที่สร้างสีสรรค์ให้ซีรีย์นี้บ้าง เอมี่ มักจะช่วยเพนนีและเบอร์นาเด็ท แก้ปัญหาต่างๆ(หลายครั้งก็ไม่ได้ผล)
เอมี่ นอกจอ ที่ดูเป็นคนมีเนื้อมีหนัง มากกว่าในเรื่อง

สิ่งที่ชอบในเรื่องนี้ คงเป็นความตรงไปตรงมาของตัวละคร ตัวละครทุกตัวมีเสน่ห์ในตัวของมัน สามารถดำเนินเรื่องโดยไม่หมดมุข และไม่ย้อนกลับไปดูปูมหลังของตัวละตรแต่ละตัว ถึงแม้ความยาวจะยี่สิบนาทีแต่เนื้อหาและสาระทำให้ลุกไปไหนแทบไม่ได้ มีการถัวเฉลี่ยบทบาทของตัวละครเท่าๆกัน แทบจะไม่เน้นตัวใดตัวหนึ่ง หรือเน้นความสัมพันธ์ใดสัมพันธ์หนึ่งอย่างชัดเจน ตัวละครทุกตัวสามารถยอมรับกันได้ 
ถ้าใครไม่เคยดู หาดูได้ ตามช่อง star world ละกัน เน้นว่าถ้าดูซับอังกฤษคงจะไม่ได้อรรถรสน่ะนะ

(ปล.ยังเขียนไม่จบนะ)

ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย และแฟนเพจทั้งหลาย รวมถึงบอร์ดพันทิปที่เติมเต็มข้อมูลให้ด้วย

วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Kaito Royale

เริ่มแรกที่อยากจะเขียนเลย คือซีรีย์ ญี่ปุ่นที่เพิ่งดูจบไปหมาดๆ คือเรื่่อง clone baby ที่แสดงโดย Tori matsuzaka (น่าจะเขียนแบบนี้นะ) ก็มาดูเอาตอนที่เพิ่งจะดูชินเคนเจอร์จบนี่แหละ ติดใจในบุคลิคของนายท่าน นึกไม่ถึงเลยว่าผู้ชายญี่ปุ่นจะตัวดำด้วย จะชอบก็ตรงที่นายท่านยิ้มนี่แหละ โลกสดใส (บ้าไปแล้ว ไอ้ตอนดูกาโร่ก็บ้าพระเอกกาโร่ไปพักใหญ่) เข้าเรื่องกันเหอะ อิอิ แต่ที่ต้องเขียนเรื่อง kaito royale เพราะติดใจบทที่โทริเป็นตัวเอก ดูแล้วสะดุด (สะดุดยังไงเหรอ) เพราะว่าระบบของตัวละครมันไปคล้ายกับ ซีรีย์ฝั่งอเมริกา เรื่อง leverage ที่มีทั้ง ผู้สั่งการ ตัวแทรกซึม(นักต้มตุ๋น) หัวขโมย แฮกเกอร์อัจฉริยะ และไอ้บ้าพลัง เด๋วจะเอารูปมาลงอีกทีนึง แต่ leverage ทำงานเป็นเอกเทศ และมีสีสันชั้นเชิงในการขโมยมากกว่า ถ้าเทียบกับ kaito อ่ะนะ แต่เราก็ชอบพระเอก kaito อยู่ดี (อิอิ)  นายท่านใส่แต่สูทอย่างเดียว  ทำให้นึกถึงบาร์นีย์ สตินสันใน how i met your mother เลย Suit Up!!

นายท่านในมาดสูท 

แนะนำตัวละครก่อนนะ
Matzusaka เป็น Kamimura Rei ก็คือ เป็นหัวโจกโจรนั่นแหละ มีหน้าที่วางแผนและสั่งการโจรคนอื่น ถ้าเปรียบเทียบในเรื่อง leverage คงเป็น เนธาน ฟอร์ด ล่ะมั้ง (อยากเป็นสตรอเบอรี่เว้ยยย)

Oomasa Aya เป็น Katagiri Karen ให้เดาคงทำหน้าที่คล้ายๆโซฟี ใน leverage คือ เป็นตัวล่อ แทรกซึม ใช้ทักษะต้มตุ๋น และทักษะการแสดงได้ดีเยี่ยม และมีความสามารถในเชิงจิตวิทยา (อันนี้คาเรนคงไม่มี)

Fukushi Seiji เป็น Kishihara Taiga มันก็คือ โจรมือไว เทียบกับ leverage คือ ปาร์คเกอร์ ที่มีทักษะการขโมยของสูง นอกจากนี้ยังสามารถแยกแยะของมีค่าได้เก่ง แต่ปาร์คเกอร์มีอาชีพย่องเบาเป็นอาชีพเสริมด้วย(รูปนี้เหมือนโตโน่เลย เหอๆ)

Hwang Chan Sung เป็น Jack คือ พวกแรงควายบ้าพลัง เตะต่อย เป็นอาชีพ เทียบกับ leverage คือเอเลียต แต่เอเลียตนี่เวลาไปต้มตุ๋นใคร มันมักจะได้ผู้หญิงติดตัวมา เกือบตลอดอ่ะนะ

Aiba Hiroki เป็น Kurata Keisuke คือ นักเก็บเกี่ยวข้อมูล แฮกเกอร์อัจฉริยะ เทียบกับ leverage คือ ฮาร์ดิสัน หวังว่าเคย์สุเกะคงไม่ทำตัวแบบสมภารกินไก่วัดเหมือนฮาร์ดิสันหรอกเนาะ

ที่เอามาเปรียบเทียบกันไม่ใช่ว่าจะให้แยะแยกว่าอะไรดีกว่าอะไร แต่ว่า ทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องที่ชอบ มีแนวใกล้เคียงกัน คือคล้ายกับโจรแบบโรบินฮูด คือ ปล้นคนรวยช่วยคนจน ทั้ง leverage และ kaito royale ก็มีแนวหลักแบบนี้เหมือนกัน อาจจะแตกต่างกันบ้าง ด้วยเรื่องของวัฒนธรรม ความไฮเทค หรือค่านิยมทางสังคม ถึงแม้ว่า เนื้อหาอาจจะหักมุมหรืออะไร แต่การดำเนินเรื่อง ก็ยังยึดมั่นกับความยุติธรรม ตามวิถีของโรบินฮู้ดอยู่ดี (ไม่อยากเอาไปเทียบกับ hustle เพราะมันไม่สนุกเลย ดูได้ตอนเดียวก็นะ...)

อ่ะ เอารูปซิสเตอร์สเนคไปดูก่อน ถ้าดูจบเมื่อไหร่ จะแก้ไข โดยทันทีอ่ะ (ขี้ลืม อย่างเฉียบพลัน)


หลังจากดูจบไปแล้ว ก็สรุปเนื้อเรื่องคร่าวๆได้ดังนี้ (ใครไม่ชอบสปอยด์ข้ามได้เรยจ้า)
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
คือ เรื่องของเรื่องก็เริ่มมาจากพระเอก ชื่อ คามิมุระ เร (โจรความจะเสื่อม) ถูกว่าจ้างให้ขโมย อัญมณีที่ชื่อว่าน้ำตาของอเลกซานเดอร์  โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าขโมยได้ เร จะได้สิ่งที่ต้องการกลับมา เร จึงไปแฝงตัวขโมยมา โดยเบื้องหลังของการขโมย คือ การรับส่งยาเสพติด พอเร รู้ความจริงจึงได้เปิดโปงแผนชั่ว ในขณะที่ขโมย น้ำตาของอเลกซานเดอร์ เร ได้ พบกับขโมยอีกสองคน คือ คิชิฮาระ ไทงะ และ คิตะคิริ คาเรน และร่วมมือกันขโมยจนสำเร็จ ขณะที่แจ๊ค โผล่มายังไงก็ไม่ทราบที่มาที่ไป 55
โจรทั้งสามถูกเรียกตัวมาอีกครั้งเพื่อพบกับนายจ้างใหม่ คือ คิตาบะ โยโกะ ซึ่งนายจ้างใหม่ได้จ้างวานให้ กลุ่มของพวกเร ไปขโมยของต่างๆ เพื่อแลกกับความทรงจำของเร 
เนื้อเรื่องดำเนินไปๆมาๆได้เรื่อยๆ จนทำให้รู้ว่า โจรทั้งสามคน (ไม่รวมไอ้แจ๊ค) ความจำเสื่อมหมด ไม่ว่าจะเป็นไทงะ หรือคาเรน ล้วนไม่มีความทรงจำก่อนหน้านี้เลย  (แต่แน่นอน ว่าเรื่องนี้ทำให้เกลียดยัยคาเรน บังอาจทำให้เร มาชอบได้ แง่งงง) จนกระทั่งตอนที่ เจ็ดมั้ง ที่ความจำของเรกลับมา เพราะว่าเร ได้ไปอ่านต้นฉบับของนายตำรวจที่ทิ้งไว้เพื่อเปิดโปงความผิดของโจรในคดี 500 ล้านเยน และไอ้คดีนี้แหละที่ทำให้นายตำรวจ มิคามิ ไล่ตามจับเร เป็นประจำเกือบทุกตอน

นายตำรวจมิคามิ (หรือชิราอิ โคทาโร่ ในคาเมนไรเดอร์เบลดนั่นเอง)

จนกระทั่งความจริงได้รู้ว่า เร คาเรน และไทงะ เป็นพี่น้องบุญธรรมที่ถูกเลี้ยงมาโดยโจรคุณธรรม (โยโกะ คิตาบะเป็นแม่บุญธรรมของทั้งสามคนนี่เอง) ซึ่งโจรคุณธรรมสองคนนี้ได้ไปปล้นรถขนเงินที่กำลังขนเงิน 500 ล้านเยน  ทำให้เกิดคดีที่เรียกว่าคดี 500 ล้านเยนน่ะเอง จากคดีนี้ ทำให้พ่อบุญธรรมของเร ถูกผู้ว่าจ้างยิงตาย ต่อหน้าเร ส่วนแม่บุณธรรม หรือคิตาบะ โยโกะ หลบหนีไปได้ (เนื่องจากโจรทั้งสองจะยักยอกเงิน เพื่อนำไปช่วยคนอื่น แต่ผู้ว่า้จ้างรู้ทันเลยคนลูกน้องไปเก็บ) เร คาเรน ไทงะ ถูกจับได้  ขณะที่จะไปช่วยพ่อตัวเอง ทั้งสามเลยโดน สเนคซิสเตอร์ ล้างสมอง
ซิสเตอร์สเนค จอมโหด ที่ทั้งเรื่องได้แต่ใส่ชุดแม่ชี 

เกือบท้ายเรื่องมีการลอยทะเลยนิดนึง  ว่า เร เป็นคนทรยศ เป็นคนบอกที่อยู่ของพ่อแม่ตัวเองให้นายจ้างรู้ ทำให้สามพี่น้องทะเลาะกันเล็กน้อย อีกทั้ง แจ็คยังหักหลังพวกของเร เข้าไปอยู่ในกลุ่มของนายจ้างสุดท้ายมารู้ความจริงว่าผู้ว่าจ้างคือ ผู้มีตำแหน่งทางการเมือง ชื่อโทโด ทำให้เร ต้องการแก้แค้นให้พ่อ จึงวางแผนไปขโมยสิ่งที่เรียกว่า กล่องแพนโดร่า (ซึ่งมีข้อมูลลับ ทางการเมืองอยู่มากมาย) ด้วยแผนการของเร ทำให้ขโมยแพนโดร่าได้ ส่วนโทโดบาดเจ็บจากปืนระเบิดใส่มือตัวเอง และแจ๊คก็เปลียนใจกลับมาช่วยพวกเรอีกครั้ง ลงท้ายมา นึกว่า โทโด จะยิงตัวตาย แพนโดร่าจะถูกขโมยได้ ที่ไหนได้ ดันโดนแจ๊คสับเปลี่ยนกล่องแพนโดร่าอีกครั้ง ส่วนโทโดยังรอด สองสามนาทีท้ายเรื่อง มีการทิ้งเชื้อไว้นิดนึงว่า ซิสเตอร์สเนคยังจะไล่ล่าพวกเร อีกตามเคย และยังมีผู้วางแผนอีกคนที่เป็นผู้ช่วยโทโด ซึ่งจะวางแผนทำลายกลุ่มของเรอีกในอนาคต

สิ่งที่ชอบในหนังเรื่องนี้ พระเอกของเรื่่อง คุณตำรวจมิคามิ ที่ไม่ได้เจอกันนานหลังจากดู kamen rider blade จบ และโจรฝึกหัดเคย์สุเกะ ที่แสดงเป็นชินเคนบลู (ตามมาช่วยนายท่านใช่ไหม?)
                                        ดำเนินเรื่องเร็ว ไม่เสียเวลา 
สิ่งที่ไม่ชอบ (ปักหมุดเลย) นังคาเรนค่ะ เกะกะสายตา แถมยังบังอาจมาขโมยจูบนายท่านได้หน้าตาเฉย
                     อุปกรณ์โจรไม่ทันสมัย โจรไม่มีแบบแผนในการขโมยเลย ทำงานเป็นทีมกันก็จริง แต่เวลาไม่ค่อยเหมาะเจาะยังไงไม่รู้ แถมเทคนิคในการเอาตัวรอดใบแบบฉบับของโจรยังไม่มีอีก ตำรวจยังตามได้ตลอด ที่รอดได้ก็ดวงทั้งนั้น คาดหวังกับเรื่องนี้พอควร แต่คำตอบดันมาเป็นดราม่าตั้งครึ่งเรื่อง ถ้าให้ดูแค่นายท่านก็โอเคน่ะนะ 

แรกๆยังคิดว่าทำไมเนื้อเรื่องมันอ่อนอย่างงี้วะ สุดท้ายมาเหมือนจุดเริ่มต้นยังไงยังงั้น ยังไงเนื้อเรื่องมันก็แฝงความเป็นจริงไว้พอควรเหมือนกัน
สีหน้านายท่านตอนโดนขโมยจูบ (เอามาจากเรื่องอื่นนะ)  เฮียแกไม่ยอมเล่นบทจูบจริงซะด้วย มุมกล้องโล้นๆ
นายท่านกับดอกไม้ ตอนปิดกล้อง 
นายท่าน
และก็ นายท่าน

แถมจากชินเคนเจอร์นิดหน่อย ให้หายคิดถึง
                    


Clone baby

ด้วยความกรุณาของผู้ใจดีทำซับให้ เลยได้มีโอกาสมาดูเรื่อง Clone Baby ถึงแม้ว่าเรตติ้งจะต่ำเตี้ยเลียดินขนาดไหน (ประมาณ 2 กว่าๆ)ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาดู สาเหตุก็เช่นเคย ตัวร้าย(นายท่านชินเคนเรด หึๆ) ตัวประกอบน่ารัก ทั้งอาจารย์รวมถึงน้องมิกิ โฮโนกะ ที่แสดงเป็นน้องสาวพระเอก (เมซูลใน kamen rider OOO) ความยาวประมาณตอนละยี่สิบนาทีกว่าๆ ฉายช่วงวันศุกร์หลังเที่ยงคืน  มีทั้งหมดสิบเอ็ดตอน พอดูได้ไม่เสียอารมณ์จนเกินไป เนื้อหาของเรื่องผูกได้ดี เอาแบบว่าลุ้นๆแล้วตัดฉากไปนู่นไปนี่ พอให้ประมาณว่า ฮึ่ยๆๆ เน้นพระเอกหน้าตาใช้ได้ ทำให้นึกถึงพี่อาทิตย์ ในเรื่องธรณีนี่นี้ใครครองเลย นางเอกเองก็ท่าจะน่ารักอยู่ (ถ้าแต่งตัวแต่งหน้าดีๆ น่ะนะ)

เริ่มเรื่องมา เป็นฉากที่พระเอกที่ชื่อ มาซามุเนะ (เป็นโคลน) กำลังจะโดดตึกตาย เพราะน้อยใจที่โดนเพื่อนรังแก (ทำไมคนญี่ปุ่นถึงหมดกำลังใจกันง่ายๆวะ) จู่ๆ นายโทริ (ในเรื่องชื่อ คิคุจิ ฮิโระ)ตัวร้ายในชุดขาวก็โผล่มาผลักมาซามุเนะตกตึก จากนั้น ฉากก็ตัดมาที่มาซามุเนะกำลังสะดุ้งตื่นจากในบ้านด้วยสภาพที่ปกติ (ถ้าดูเผินๆ จะคิดว่า Clone จะมีพลังพิเศษรักษาตัวเองได้ อะไรเทือกนั้น) แล้วเหตุการณ์ประหลาดๆก็เกิดขึ้น นายฮิโระก็ตามหลอกตามหลอน มาซามุเนะ จนไม่เป็นอันทำอะไร รวมถึงไปยุ่งกะมาริกะแฟนพระเอกอีก(นางเอกอ่ะแหละ)

ตามคอนเซปของหนังเรื่องนี้คือ การโคลนนิ่ง คือ มีการโคลนนิ่งเด็กสิบเอ็ดคนจากต้นแบบ แล้วเอาไปปล่อยตามสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า พออายุครบได้ที่พวกโคลนจะมีการเข่นฆ่ากันเอง เพื่อให้อยู่รอดเพียงหนึ่ง (ซึ่งไม่มีการบอกถึงกฎที่มาที่ไป) โดยสัญลักษณ์ของหนัง คือเก้าอีแดงเพียงตัวเดียว เหมือนเก้าอีดนตรี (เหมือนดูหนังเรื่อง the one ที่เจ็ทลี แสดงเลยแต่อันนั้นมันเป็นเรื่องของโลกคู่ขนาน) Clone ในเรื่องนี้เหมือนจะมีเรี่ยวแรงเกินมนุษย์มนา แต่เปล่าเลย clone ก็เหมือนคน มีเนื้อมีหนัง มีความรู้สึก รัก โลภ โกรธ หลง เป็นธรรมดา ที่มันจะไม่ธรรมดาก็อีตา ฮิโระ นั่นแหละ ตายยากตายเย็นเหลือเกิน พอตายแล้ว ตอนจะจบยังโผล่มาอีก (ตกลงมึงจะเอากันให้ตายใช่ไหม)

เนื้อเรื่องดำเนินไปได้เรื่อยๆ หมายถึงว่าถ้าลุกเข้าห้องน้ำไปด้วยเปิดทิ้งไว้ด้วย ตามเนื้อเรื่องไม่ทันแน่นอน เป็นเรื่องของการไล่ฆ่าตัวโคลนนิ่ง ที่ตอนต้นเรื่องโดนฆ่าตายกันไปกว่าครึ่งแล้ว จากนั้นก็เอาอวัยวะของโคลนที่ตายไปปลูกถ่ายให้ต้นแบบโคลนนิ่ง(ชื่อฮาสึกิ มิโอะมั้ง จำไม่ได้ดูแปปๆก็ลืม)ที่ป่วยเป็นโรคอวัยวะภายในไม่ทำงาน ตอนแรกๆเข้าใจว่าโดนไฟคลอก ก็ไปพันผ้าพันแผลซะขนาดนั้น พอถึงท้ายเรื่องจึงเข้าใจว่า อ่อออ

กฏของโคลนมีง่ายๆ โคลนย่อมเข้าหาโคลน (หยั่งกะ การ์ตูน)เหมือนแรงดึงดูดแม่เหล็ก  และโคลนต้องฆ่าโคลน ซึ่งในเรื่องทั้งพระเอกนางเอกก็ล้วนเป็นโคลนด้วยนะสิ แบบนี้ท่าจะไม่ได้กันแล้วล่ะคู่นี้ แล้วรู้ได้ไงว่าเป็นโคลน ง่ายๆเลย โคลนจะมีรอยปลูกฝีที่แขนเป็นรูปดอกจัน ซึ่งพระนางคู่นี้ก็มี นางเอกหรือมาริกะดันเชื่อว่ามันเป็นพรหมลิขิตที่ผูกพันกันด้วยด้ายแดง แรกๆมาซามุเนะเองก็เชื่ออย่างนั้น จนกระทั่ง สัญชาติญาติโคลนถูกปลุกขึ้นมา ทำให้มาซามุเนะไม่สามารถอยู่ใกล้มาริกะได้ เพราะกลัวตัวเองจะพลั้งมือฆ่ามาริกะ เลยทิ้งมาริกะไป

ฉากตัดไปที่นายฮิโระ ซึ่งกำลังระหองระแหงกับเพื่อนวัยเด็กที่ชื่อโคตะ ที่ผันตัวเองมาเป็นนักฆ่า เพื่อเอาใจ ผอ.หรือฮาสึกิ โดยเชื่อว่าฮาสึกิ(เจ้าของโครงการโคลนนิ่ง)จะรักเขาเหมือนลูกจริงๆ ฮิโระจึงมาเตือนโคตะ แต่โคตะไม่ฟัง แถมยังจะฆ่าฮิโระอีก ภาพจะสลับกับวัยเด็กของสองคนนี้ ทำให้รู้ที่มาที่ไปว่าทำไมสองคนนี้ไม่คิดจะฆ่ากันจริงๆจังๆซักครั้ง จนกระทั่งโคตะพลาดตกระเบียงทับมีดตายเอง ฉากนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ฮิโระตาสว่างกลับมาช่วยเหลือมาซะมุเนะ และยังได้หลงรักมาริกะด้วย (แมร่ง บทจะหลงรักก็หลงรักง่ายๆซะงั้น)

เนื้อเรื่องดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว ขอข้ามตัวละครสำคัญๆหลายตัว นอกจากไม่เข้าตาแล้ว ความเห็นส่วนตัวยังลำเอียง เทใจให้มาซามุเนะกับฮิโระ 555

เรื่องดำเนินมาจนเกือบสุดท้ายจนรู้ว่า กฎของโคลนจะถูกยกเลิก ก็ต่อเมื่อ ต้นแบบโคลนตาย พวกโคลนจึงต้องการฆ่าต้นแบบ แต่มันไม่ง่ายนะ เพราะว่าจะต้องเข้าถ้ำเสือซึ่งเป็นศูนย์วิจัยโคลนนิ่ง (ที่ไม่มีนักวิจัย แต่ดันมีนักฆ่าถือปืนเดินกันให้ตรึม อีกอย่างพวกโคลนจะแรงวัวแรงควายกับพวกโคลนด้วยกันเอง) ความอับโชคของมาริกะและมาซามุเนะก็มาเยือน เมื่อมาริกะโดนจับตัวไป มาซามุเนะจึงต้องตามไปช่วย ยังไม่ทันจะช่วยอะไรใคร โคลนก็ตายอีกหนึ่งคือ โจทาโร่ (แฮกเกอร์อัจฉริยะ) แถมฮิโระโดนยิงมาก่อน เลยทำอะไรไม่ได้

สุดท้ายมาตาแก่ฮาสึกิโดนยิงตายแถมต้นแบบโคลนหรือลูกสาวฮาสึกิ ยังโดนลักพาตัวซะงั้น มาริกะถูกลากเอาไปขัง แต่ฮิโระมาช่วยได้ทัน ช่วยเสร็จก็ขาดใจตายเพราะเลือดออกหมดตัว(ทำไมไม่ไปทำแผลดีๆก่อนวะ)

จุดหักเหของตอนจบคือ ฮาสึกิไม่ใช่ตัวร้ายตัวจริงแต่เป็นอีกคนที่เป็นตัวร้าย คอยสนับสนุนโครงการโคลนนิ่ง ซึ่งก็คือพ่อของมาซามุเนะนั่นเอง โดยเหตุผลง่ายๆ คือความรักของพ่อที่มีต่อลูกบุณธรรม สังเกตจาก ไอ้คนที่รังแกมาซามุเนะ โดนโคตะอุ้มไปฆ่า ซึ่งไม่ใช่ตัวโคลนนิ่งอะไร (เหอะๆ) ฉากโดดตึกแรกๆ ที่สงสัยมานานว่ามาซามุเนะรอดมาได้ยังไงก็ถูกเฉลยว่า พ่อของพระเอกเลยสั่งฆ่าโคลนตัวอื่นๆ แล้วเอาอวัยวะของโคลนมาสับเปลี่ยนกับมาซามุเนะที่อาการร่อแร่จากการโดดตึกตายนั่นเอง



รูปนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง อิอิ เอามาลงเฉยๆ จร้า

นี่ไงน้อง มิกิ หรือเมซูล กับโคลนนิ่งแฮกเกอร์ ชื่อในเรื่องอะไรไม่รู้ไม่คิดจะจำ อิอิ แต่ชื่อจริงๆ ชื่อ ยามาซากิ เคนโตะ (ดังพอตัวนะ)
นี่ตัวต้นเหตุ ถ้ามึงไม่ผลักเขาตกตึกตาย เรื่องทั้งหมดก็ไม่เกิดขึ้นหรอก

นี่พระเอก หน้าคล้ายณเดช จริงๆ

สิ่งที่ชอบในเรื่องนี้ อันดับแรกคือ คนที่แสดงเป็นฮิโระนั่นแหละ
                              อันดับสอง ตัวหนังและทฤษฎีน่าสนใจ การตัดฉากดี ดำเนินเรื่องเร็ว
สิ่งที่ไม่ชอบ ตัวละครไม่มีเสน่ห์อ่ะ ถ้าไม่มีน้องมิกิจัง กับนายท่านก็คงเลิกดูตั้งแต่ตอนที่สองแล้วอ่ะ
สรุป คือ เพิ่งดูชินเคนเจอร์จบน่ะนะ เลยอยากดูนายท่านในอิริยาบถอื่นๆต่อ ก็เท่านั้นเอง

สุดท้ายนี้ ก็ดูเอาบันเทิงอ่ะนะ หนังซีรีย์ญี่ปุ่นมีเยอะมากจริงๆ ถ้าจะดูให้หมดคงไม่ไหวอ่ะ นอกจากจะชอบดาราคนใดคนหนึ่งแล้วตามดูเอาเองอ่ะนะ